-คู่ชีวิต...ในมือนักพยากรณ์

คู่ชีวิต...ในมือนักพยากรณ์

                                                                                                                                      อ.คมเดช  บ้านหมอดู

                                                                                                                                มือถือ   096 - 6364945

          เย็นวันเสาร์วันหนึ่งในเดือนพฤษภาคมขณะที่ผมเก็บเอกสารบนโต๊ะทำงานเตรียมกลับบ้าน ก็มีสตรีคนหนึ่งก้าวเข้ามาในที่ทำงานของผม เธอแต่งกายด้วยชุดสำนักงาน เป็นสตรีที่มีหน้าตาดีมีบุคลิกที่แสดงถึงความมั่นใจในตัวเอง เธอแสดงสีหน้าที่ไม่สบายใจนักที่เห็นผมกำลังรวบเอกสารและอุปกรณ์เครื่องเขียนใส่ลงในกระเป๋า เธอก็พอจะเข้าใจได้ว่าผมกำลังที่จะออกจากที่ทำงาน

“อุ้ย ขอโทษค่ะหนูมาสายไปหน่อย อาจารย์จะกลับแล้วหรือค่ะ”  สีหน้าเธอแสดงถึงความไม่สบายใจนัก เพราะเธอนัดผมไว้ก่อนหน้านี้แต่ก็สายไปกว่าชั่วโมงแล้ว และก็ได้เวลาที่ผมจะกลับบ้านแล้ว เพราะเธอเป็นลูกค้าคนสุดท้ายที่นัดผมในวันนี้    

“ครับ ผมนึกว่าคุณคงจะไม่มาแล้วก็เลยจะกลับบ้านเสียที”

“เอ้อ อาจารย์พอจะช่วยหนูดูดวงสักดวงได้มั้ยค่ะ หนูไม่สบายจริงๆค่ะ อยากปรึกษาอาจารย์”  สีหน้าของเธอแสดงได้ชัดว่าเธอมีเรื่องที่ไม่สบายใจ

“ได้ครับ ถ้าคุณมาช้ากว่านี้ก็คงไม่เจอผมแล้ว ว่าจะไปทำธุระที่อื่นด้วยครับ แต่ก็พอดูดวงให้ได้ครับ” 

ผมเชิญเธอมานั่งที่โต๊ะทำงาน พร้อมกับสอบถามวันเดือนปีเกิดและเวลาตกฟาก การวางดวงเพื่อใช้ในการพยากรณ์นี้ผมใช้ปฏิทินในแบบฉบับของอาจารย์เทพย์ สาริกบุตร และก็วางลัคนาด้วยวิธีนักษัตร์  ท่านผู้อ่านที่ใช้ปฏิทินแบบอาจารย์ทองเจือและวางลัคนาด้วยระบบอันโตนาทีก็อาจจะมีบางดวงที่แตกต่างกันบ้าง ก็ขอให้เข้าใจตามนี้ครับ

                                                                 

                                                               

                                       ญ. วันเสาร์ขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๑๒  ปีจอ ตรงกับปีพ.ศ. 2525  เวลา 10.30 น.

                                                                         จร วันที่ 30 ต.ค. 2553

 

การพิจารณาดวงชะตาในระบบโหราศาสตร์ไทยนั้น นิยมใช้กันอยู่ 2 แบบใหญ่ๆ คือ

  1. พยากรณ์จรแบบการใช้ทักษาจร
  2. พยากรณ์จรแบบไม่ใช้ทักษาจร

การพยากรณ์ทั้ง 2 แบบนี้ ไม่สู้มีความแตกต่างกันมากนัก ความแตกต่างจะอยู่ที่เครื่องมือที่จะใช้ในการพยากรณ์จรเท่านั้น ผมเองชอบใช้แบบที่ 2 จนปัจจุบันแทบจะลืมการพยากรณ์ในแบบที่ 1 ไปแล้วก็ว่าได้ รูปแบบการพยากรณ์โดยทั่วไปยังมีความนิยมการพยากรณ์ในแบบที่ 1 กันอยู่ ซึ่งก็มีความแม่นยำดีอยู่เพียง แต่เมื่อใช้วิธีนี้พยากรณ์จำเป็นต้องใช้ทักษามาช่วยสนับสนุน จึงต้องฝึกฝนการใช้ทักษาร่วมกับดวงชะตาให้มีความชำนิชำนาญ  มิฉะนั้นจะตกม้าตายได้ง่ายๆ แต่ถ้าจะว่าไปการพยากรณ์ด้วยทักษาทำให้เราสามารถพยากรณ์ได้ง่ายขึ้นถ้าชำนาญ เหมือนขับเกียร์ออโต้ แต่ถ้าไม่ระวังมีสิทธิ์ตายเพราะความประมาทได้ง่ายๆเหมือนกัน

          ฉบับนี้ผมจะใช้หลักการพยากรณ์จรด้วยการใช้ทักษาให้ท่านผู้อ่านทั้งหลายได้เห็นก่อน ส่วนแบบอื่นๆนั้นเราค่อยๆว่ากันในภายหน้า การพยากรณ์จรนั้นไม่เหมือนกับการพยากรณ์พื้นดวง  การพยากรณ์พื้นดวงนั้นเราถือว่าดาวทุกดวงนั้นมีความสำคัญไม่แตกต่างกัน ส่วนการพยากรณ์จรนั้น  เราจะต้องให้ความสำคัญดาวที่มีแรงกดดันที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงกับชีวิตในช่วงเวลานั้นๆเป็นพิเศษ  คนที่เรียนโหราศาสตร์มาไม่นานนั้น มักจะขาดประสบการณ์ในการวินิจฉัยว่าดาวดวงไหนที่ทำให้เกิดการกดดันชีวิตให้เกิดการเปลี่ยนแปลง  ที่จริงหลักวิชานี้ก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่ลึกลับซับซ้อน อาจารย์โหราศาสตร์รุ่นเก่าๆท่านได้พูดเสมอว่า  ดาวใหญ่บอกเรื่องใหญ่  ดาวเล็กบอกเรื่องเล็กแค่นี้ก็เพียงพอที่เราจะนำมาใช้ในการพยากรณ์ได้อย่างเหลือเฟือ แต่ก็เป็นเรื่องแปลกที่นักพยากรณ์รุ่นใหม่ๆ มักจะให้ความสำคัญที่วิธีการมากกว่า การใช้หลักการที่มีผมในการพยากรณ์หนักแน่นมากกว่า

          อีกเรื่องหนึ่งที่ผมให้ความสำคัญในการพยากรณ์จร  ก็คือการผูกดวงจรที่เราเรียกกันว่า   “ดวงวรรษาจร” คือดวงที่ผูกขึ้นเมื่อดาวอาทิตย์จรมามีองศาเท่ากับองศาอาทิตย์เดิม ผมถือว่าดวงนี้เป็นจุดเริ่มต้นปี และผมชอบเรียกดวงนี้อีกชื่อหนึ่งว่าดวงสงกรานต์ปีบุคคล อันนี้ไม่รู้ว่าเรียกถูกกับเขาหรือเปล่า แต่ก็เรียกมาแบบนี้มานานมากแล้ว จนเป็นยี่ห้อของผมเหมือนกัน ดวงวรรษจรนี้บางท่านสามารถใช้พยากรณ์จรแทนดวงเดิมของคนได้เลย แต่ก็มีผลเพียงหนึ่งปีเท่านั้น การพยากรณ์แบบนี้ โหราศาสตร์สากลนิยมกันมากเรียกว่าดวง PROGRESS แต่สำหรับผมจะมองดวงนี้เป็นจุดเริ่มต้นปี ทำให้สามารถคาดหมายความเคลื่อนไหวต่างๆที่จะเกิดขึ้นภายในหนึ่งปีและการเปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์ในช่วงเวลาใดๆในปีนั้น แต่ต้องจัดทำตะรางดาวย้ายประจำปีขึ้นมาใช้ประกอบด้วย  จากตัวอย่างดวงที่ผมยกมาเราลองมาดูว่าจะพยากรณ์กันอย่างไร เริ่มต้นเราพิจารณาตำแหน่งดาวใหญ่ที่ละดวงกันก่อน ผมจะเริ่มอธิบายเป็นขั้นตอนเพื่อให้ท่านที่ไม่มีประสบการณ์จะได้อ่านได้เข้าใจ และอาจจะเก็บสะสมไว้ศึกษาได้ในภายหลังด้วย

  1. เธออายุย่าง 29 ปี เกิดวันเสาร์ ทักษาจรตกภูมิอาทิตย์ (ผมใช้หาร 8 ไม่เข้าตากลางครับ)
  2. ดาวที่ให้ผลใหญ่ที่ต้องติดตามคือ
  • ดาว ๗ ภูมิมูละ(กดุมภะเดิม)จร อยู่ในภพกัมมะเรือนดาว ๔ทับ ดาว ๔ เกษตร(เจ้าเรือนปัตนิ,กัมมะ)เป็นศรีจร ดาว ๗ มีความหมายเฉพาะดาวว่าทุกข์ การพลัดพราก เมื่อทับดาว ๔ เป็นเจ้าเรือนปัตนิ , ลาภะ แสดงว่าจะมีเหตุให้ต้องพลัดพรากจากในเรื่องคู่ครอง หรือความรัก ดาว ๗ เป็นภูมิมูละและเจ้าเรือนภพกดุมภะ การพลัดพรากจึงรวมถึงทรัพย์สินที่ทำร่วมกับคนรัก ดาว ๗ ยังร่วมเรือนเกษตรกับดาว ๘ เป็นเจ้าเรือนภพสหัชชะเป็นมนตรีตามภูมิทักษาจร นั่นหมายถึงกระทบไปถึงความสัมพันธ์กับญาติผู้ใหญ่ของคนรัก เมื่อมองว่าดาว ๘ เป็นคู่มิตรก็น่าจะไม่น่าจะมีปัญหา น่าจะเป็นการได้รับการช่วยเหลือสนับสนุนจากญาติผู้ใหญ่ของคนรักด้วยซ้ำ แต่เมื่อมองดูจากปฏิทินจะภพว่าดาว ๘ จะย้ายเข้าภพวินาศ เมื่อวันที่ 3 พ.ค. 54 เป็นอุจและอยู่ภูมิทักษาเดช นั่นแสดงว่าความสัมพันธ์ที่ดีกับญาติคนรักน่าจะเปลี่ยนเป็นหน้ามือเป็นหลังมือ ยิ่งเป็นเดชจรนั่นหมายถึงความรุนแรงเด็ดขาดด้วย และดาว ๘ จะแสดงผลอย่างไม่คาดฝัน      สรุปคือ ดาว ๗ จร จะกระทบเกี่ยวกับเรื่องความรัก คู่ครอง ที่จะเกิดการพลัดพรากกันและรวมไปถึงการสูญเสียทรัพย์สินร่วมกัน รวมไปถึงความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างญาติผู้ใหญ่ของฝ่ายชายกลายเสียหายตามไปด้วย
  • ดาว ๘ จรทับลัคนาเป็นมนตรีและเจ้าเรือนภพสหัชชะ ดาว ๘ สถิตอยู่ในภพ ปัตนิ เมื่อจรเข้าทับลัคนาจึงหมายถึงมีการติดต่อกับญาติผู้ใหญ่ของคนรักในเรื่องการแต่งงาน โดยได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดี ดาว ๘ ทับดาว ๑ เจ้าเรือนศุภะครองภูมิบริวาร แต่เป็นดาวคู่มืด-คู่สว่าง แสดงว่าความสัมพันธ์กับญาติผู้ใหญ่ฝ่ายชายน่าจะเป็นปัญหา คู่มืดคู่สว่าง หมายถึงเรื่องกลับกรอกหรือสิ่งที่ไม่น่าเชื่อถือ วางใจไม่ได้ ดาว ๘ จรทับดาว ๓ เป็นเจ้าเรือนปุตตะ,วินาศ และครองภูมิเดช จึงหมายถึงความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นในเรื่องความรัก ดาว ๘ ร่วมเรือนเกษตรกับดาว ๒ เป็นเจ้าเรือนมรณะ และเป็นอายุตามทักษาจร ดาว ๘ + ๒ เป็นดาวคู่ชู้ ย่อมหมายถึงความสัมพันธ์ทางด้านความรักและชู้สาว แต่ดาว ๒ เป็นดาว มรณะย่อมหมายถึงอาจจะเกิดเรื่องเสียหายเดือดร้อนได้ เนื่องจากดาว ๘ เป็นมนตรี จึงหมายถึงญาติผู้ใหญ่จะเป็นเหตุให้เกิดเรื่องเสียหายเดือดร้อนขึ้นได้ จากความสัมพันธ์ของทั้งสองฝ่าย อีกประเด็นก็คือดาว ๘ เดิมอยู่ในภพปัตนิเรือนดาว ๔ เป็นคู่ศัตรูและคู่หลอกลวง จึงย่อมหมายถึงญาติฝ่ายชายจริงใจกับเธอจริงหรือเปล่า?
  • ดาว ๕ เป็นอุตสาหะและเป็นเจ้าเรือนตนุและพันธุ จรเป็นเกษตร ร่วมเรือนเกษตรกับดาว ๓ ซึ่งหมายถึงการแต่งงาน การมีครอบครัวใหม่(ดาว ๓ + ๕ หม่นถึงการแต่งงานและการตั้งครรภ์) ดาว ๕จรทับดาว ๒ มรณะและเป็นดาว อายุ จะมีเรื่องเดือดร้อนในการมีครอบครัว และจรร่วมดาว ๐ เป็นเหตุที่เกิดอย่างไม่คาดฝันหรือกะทันหันเกินไป แต่ก็ยังมีความมั่นคงดี จนวันที่ 8 พ.ค. 54 ดาว ๕ จรเข้าราศีเมษ รวมเรือนเกษตรกับดาว ๐ ในภพวินาศ เจ้าตัวก็จะพบกับความเครียดอย่างคาดไม่ถึง ซึ่งกระทบไปถึงการมีครอบครัวของตนเอง ขณะเดียวกัน ดาว ๘ จรเข้าภพวินาศมารออยู่ตั้งแต่วันที่ 3 พ.ค. 54 แล้ว ความสัมพันธ์กับคนรักและญาติผู้ใหญ่ของคนรักก็จะเปลี่ยนไป การแต่งงานมีครอบครัว ก็อาจจะเกิดปัญหาขึ้นจากทั้งคนรักและญาติฝ่ายชาย

คำแรกที่เธอกล่าวกับผมเมื่อผูกดวงเสร็จก็คือ “อาจารย์ค่ะ หนูมีโอกาสที่จะได้แต่งงานในปีนี้หรือเปล่าค่ะ “ เมื่อคำพูดจบลงเสียงเธอขาดหายไปเหมือนมีอะไรมีจุกในลำคอของเธอพร้อมกับตาของเธอเริ่มแดงเรื่อๆขึ้น น้ำตาของเธอเริ่มเอ่อขึ้นมาที่ขอบตา เธอพยายามกลั้นน้ำตาของเธออย่างเต็มที่ ในชีวิตของผมพบเห็นอาการแบบนี้มาจนชินตา แต่ก็ไม่ชินชา เพราะมักจะทำให้ผมมีอารมณ์ร่วมไปกับความเศร้าของผู้มาดูเสมอ  และการวิเคราะห์ดาวใหญ่ข้างต้นนี้ก็คือคำพยากรณ์ที่เป็นคำตอบ ผมไม่อยากสรุป แต่อยากให้ผู้อ่านมีส่วนร่วมในการวิเคราะห์หาเหตุผล และสรุปด้วยตัวเอง การพยากรณ์ในสนามจริงจะไม่มีใครช่วยเราได้เลย อัตตาหิ  อัตโนนาโถ อย่าลืมครับ

“อาจารย์ว่าเรื่องแต่งงานไม่น่าจะเกิดขึ้น เพราะสาเหตุของการเปลี่ยนแปลงท่าทีของฝ่ายชายและญาติของฝ่ายชาย เมื่อดาว ๘ ย้ายเข้าภพวินาศในวันที่ 3 พ.ค. 54 ในปลายเดือน กลางเดือน พ.ย. 54 ดาว ๗ จะจรทับสนิทองศากับดาว ๔ เจ้าเรือนปัตนิ ถึงแม้ในช่วงนั้นทักษาจรจะเปลี่ยนดาว ๗ เป็นศรีจร แต่ก็ไม่น่าจะมีผลอะไร เพราะในช่วงนี้ ดาว ๗ จะเสริดเข้าไปในราศีตุลย์ปะทะกับดาว ๖ คู่ศัตรูใหญ่ ดาว ๗ + ๖ เป็นดาวที่ให้โทษในเรื่องความรักอย่างรุนแรงมากที่สุดตัวหนึ่งทีเดียว อาจารย์ไม่อยากให้ไปตั้งความหวังในด้านดีจนเกินไป หนูลองประสานดูว่าเป็นไปได้หรือเปล่า การแต่งงานจำเป็นที่เราจะต้องเข้ากันได้ดีกับเครือญาติของอีกฝ่ายหนึ่ง ถ้ามีเหตุที่ไม่สามารถกลมเกลียวกับเครือญาติทั้งสองฝ่ายได้แล้ว ก็ไม่ควรที่จะแต่งงานถึงแม้ว่าจะมีความรักกันมากก็ตาม การแต่งงานไม่ได้หมายถึงคนเพียงแค่สองคนเท่านั้น มันยังมีว่านเครือเข้ามาเกี่ยวข้อง สังคมไทยยังมีเรื่องผูกพันกันระหว่างเครือญาติมากอยู่ อย่าเพียงคิดว่ามีเราสองคนก็พอแล้ว ถ้าไม่สามารถเข้ากันได้กับฝ่ายเขาก็น่าที่จะหักใจเสียปลงให้ตก แล้วไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ แต่ก็ลองพยายามประสานดูก่อนนะ คนเราถ้าไม่พยายามจนถึงที่สุดแล้ว เมื่อเวลาผ่านไป บางครั้งเรากลับต้องมาเสียใจกับการกระทำของตนเอง ที่ไม่ใช้ความพยายามในช่วงนั้น แต่ทั้งหมดต้องตั้งอยู่กับคำว่าสติ ปัญญา และเหตุผล อย่าให้โมหะความหลงในรักมาเป็นเครื่องบังตา โดยเฉพาะโมหะจริตที่เกิดจากความรักในวัยนี้ค่อนข้างรุนแรงด้วย”

“อาจารย์ค่ะหนูคิดว่าคงไม่มีความหวังแล้ว หนูกับแฟนก็รักกันดีอยู่ เมื่อปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา ญาติของทางฝ่ายชายก็ได้มาพูดคุยทาบทามกับญาติผู้ใหญ่ของหนู โดยขอวันเดือนปีเกิดของหนูไปสมพงศ์กับคนรักของหนูเอง  เมื่อไปกี่วันมานี้แม่ของฝ่ายชายก็มาบอกหนูว่าจะไม่ยอมให้ลูกชายของเขามาแต่งงานกับหนู เพราะดวงของหนูแรง จะทำให้ลูกของเขาตกต่ำและอาจจะอายุไม่ยืน ถึงเขาจะชอบหนูอย่างไรก็ไม่สามารถยอมรับกับเกณฑ์ดวงแบบนี้ได้ ขอให้ตัดลูกเขาไปเสีย เพราะเขาจะไม่ยอมให้ลูกเขามาแต่งงานกับหนูเด็ดขาด” เสียงที่เธอเล่าเหตุการณ์ที่ประสบมามีอาการสั่นเครือ    แสดงถึงความผิดหวังและความเศร้าเสียใจอย่างมาก

“หนูรักกับแฟนหนูมาหลายปี ได้ช่วยเหลือกับซื้อหาผ่อนเรือนหอที่จะมาใช้ชีวิตร่วมกัน แต่หนู.......ไม่รู้ว่าทำไมดวงชะตาของหนูจะมากลั่นแกล้งหนูอย่างนี้......” เสียงตัดพ้อของเธอแผ่วหายไปในลำคอ ผมต้องส่งกล่องทิชชู่ให้เธอซับน้ำตา เธอไม่สามารถจะอดกลั้นกับอารมณ์ที่เศร้าเสียใจผิดหวัง และรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจกับโชคชะตาของตัวเองได้อีกต่อไป

“แล้วแฟนหนูเขาว่าอย่างไรบ้างกับเรื่องนี้ล่ะ” ผมอดถามไปถึงคนรักเธอไม่ได้ขณะที่เธอกำลังซับน้ำตาของเธอ

“แฟนหนูเขาบอกว่า เขาต้องรับฟังแม่เขา เพราะอย่างไรเสียนั่นเป็นแม่ของเขา ท่านเตือนด้วยความรักไม่ได้มีอคติหรือมีเรื่องโกรธเคืองกับหนู เขาก็เสียใจแต่ก็ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ เขาบอกว่าหนูควรหาคนที่มีดวงสมพงศ์กับหนูและแก้ดวงชะตาของหนูได้มาแต่งงานกันจะดีกว่า แต่หนูไม่เคยมีคนอื่นมาก่อนเลย เรียนจบมาก็คบและก็รักกับแฟนหนูมาคนเดียวโดยตลอด หวังว่าจะมาร่วมกันสร้างหลักฐานด้วยกัน อุตส่าห์อดออมรอบริบเพื่ออนาคต ทำไม...หนูจึงโชคร้ายคะ ดวงหนูเป็นอย่างนั้นจริงๆหรือ”

ฉบับนี้คงต้องจบลงแค่นี้ก่อน ยังมีคำถามที่ต้องสนใจเกี่ยวกับสิ่วที่เธอพบมา ชะตากรรมของเธอนั้นจะมีคู่ไม่ได้จริงหรือ มีทางออกอะไรหรือเปล่าที่จะช่วยเธอได้  คงต้องคุยกันในคราวหน้าครับ ขอให้ความสุขจงเกิดกับผู้อ่านทุกท่าน

 

                                                                        อาจารย์ คมเดชบ้านหมอดู

                                                                          มือถือ    096-6364945

                                                    รับปรึกษา ดวงชาตา ทางโทรศัพท์ ส่วนตัว   ทาง E-MAIL

   

Visitors: 71,299