-คนลิขิตกรรม-กรรมลิขิตคน 2
ประการแรก
คือการถวายสังฆทาน คำว่า สังฆะ หมายถึง “พระภิกษุตั้งแต่ 4 รูป” ขึ้นไป ประชุมกันสันนิบาตกันเป็นระเบียบเรียบร้อย เรียกว่า สงฆ์ หรือครบองค์ ประชุมแห่งสงฆ์ ถ้าภิกษุมิได้สันนิบาตกันครบ 4 รูป มีเพียง 1-2 หรือ 3 รูปเท่านั้น ถึงแม้ภิกษุนั้นมีเกียรติคุณเพียงใด มีสมณศักดิ์สูงส่งเพียงใดก็ตาม ก็ยังเป็นเพียงภิกษุ มิใช่สงฆ์ การจะประกอบศาสนพิธีให้ถูกต้องและได้อานิสงส์เต็ม อานิสงส์มาก จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องประชุมภิกษาให้ครบองค์แห่งสงฆ์ คือตั้งแต่ 4 รูปขึ้นไป (พระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบัญญัติไว้อย่างนี้) และโดยเฉพาะจะให้เป็นองค์ประชุมแห่งสงฆ์ที่บริสุทธิ์อย่างแท้จริงแล้ว ต้องไม่มีการกำหนดเจาะจง คือไม่กำหนดว่าต้องการภิกษุรูปนั้นรูปนี้ ให้เป็นไปตามมติแห่งสงฆ์จัดการกันเอง มิเช่นนั้นจะเป็นเจตนาอันเจาะจง ถือว่าไม่บริสุทธิ์พอ เมื่อเราได้องค์สงฆ์ครบตามพุทธบัญญัติด้วยความบริสุทธิ์แล้ว ขั้นตอนต่อไปคือสิ่งของอันเราจักน้อมนำไปถวายแก่สงฆ์ คือ สังฆทาน สิ่งของวัตถุทานนั้นต้องเป็นสิ่งของอันบริสุทธิ์และประณีต คือเราจัดหามา ทำมา หรือซื้อมาด้วยทรัพย์อันบริสุทธิ์ของเรา มิได้ไปลักขโมย ปล้นจี้ หลอกลวงใครมา และสิ่งสำคัญของวัตถุทาน คือ สำรับอาหารคาว-หวานต่างๆ เช่น ข้าวสุก-กับข้าว-ขนม-ผลไม้ต่างๆ อันนี้ถือเป็นหัวใจหลักของสังฆทาน ถ้าหากเรามีกำลังทรัพย์และกำลังศรัทธาพอ จะเพิ่มเติมบรรดาของอุปโภคบริโภค ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ เข้าไปอีกก็ได้ อันนี้ถือว่าเป็นบริวารแห่งสังฆทานนั้น นี่เป็นขั้นตอนที่สอง และต่อไปก็คือ เวลาและขั้นตอนแห่งพิธีกรรม การที่จะถวายสังฆทานและภัตตาหารแก่สงฆ์ให้ถูกต้องนั้น ต้องรู้กำหนดเวลา คือให้ถวายทานหรือสังฆทานนั้นก่อนเพล หรือก่อน 11.00 น. โดยประมาณ
การถวายสังฆทานเพื่อขอส่งผลบุญชดใช้หนี้กรรมเก่านั้น จะมีขั้นตอนแตกแยกย่อยและละเอียดกว่าสังฆทานสามัญทั่วไป คือ ก่อนจะทำการถวายสังฆทานนั้นต้องจุดธูป 5 ดอก บูชาพระพุทธปฏิมา ประธานในพิธีกล่าวคำบอกกล่าวเจ้ากรรมนายเวรของแต่ละคนให้ถูกต้อง โดยต้องบอกชื่อ สกุล อายุ และเพศของตนเอง ขอส่งผลบุญไปชดใช้เจ้ากรรมนายเวรรอบที่เท่าไร และดวงเจ้ากรรมนายเวรกี่ดวง และบอกขอคืนดวงร้ายๆในชะตาชีวิตของแต่ละท่านให้เจ้ากรรมนายเวรรับเอาดวงเหล่านั้นกลับไปด้วย เมื่อทุกท่านบอกกล่าวเจ้ากรรมนายเวรของตนเองครบเสร็จแล้ว จึงเริ่มกล่าวถวายสังฆทาน การกล่าวถวายสังฆทานก็จะต่างจากสังฆทานสามัญทั่วไป เป็นบทกล่าวเฉพาะเจาะจง เพื่อขอส่งบุญกุศลนั้นไปให้เจ้ากรรมนายเวรโดยตรง เมื่อกล่าวคำถวายสังฆทานจบ พระสงฆ์ยกมือพนมอนุโมทนาทาน โดยท่ากล่าวสาธุขึ้นพร้อมกัน ถือว่าสำเร็จอานิสงส์แห่งสังฆทานนั้นแล้ว ต่อไปภิกษุสงฆ์ประธานจะกล่าวนำคำคืนดวงร้ายๆ ในชะตาชีวิตของผู้มาร่วมพิธีสังฆทานนั้น
พึงตั้งใจกล่าวคำคืนดวงตามพระคุณเจ้าไปตามลำดับ ท่านจะกล่าวคืนทีละดวง จนถึงดวงมรณะ เมื่อถึงดวงมรณะท่านจะหยุดนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง และขณะที่ท่านนิ่งอยู่นั้น ผู้ใดที่มีดวงมรณะอยู่ในชะตา จะต้องกล่าวคืนดวงมรณะของตนเอง ส่วนผู้ไม่มีดวงมรณะ ไม่ต้องกล่าวคืนดวงมรณะ ไม่ต้องกล่าวคืนดวงมรณะอยู่ในดวงชะตา เพียงนิ่งอยู่รอ แล้วกล่าวตามพระต่อไป จนกว่าจะจบพิธี การกล่าวคำคืนดวงและขอเปลี่ยนดวงและกล่าวคำขอพรสวรรค์ เพื่อขอความสุขความเจริญ จบแล้วจึงจะเข้าประเคนวัตถุจากสังฆทานนั้น แล้วพระสงฆ์จะอนุโมทนายะถาสัพพี เพื่อให้เรากรวดน้ำ ให้ท่านตั้งใจกรวดน้ำเพื่ออุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรโดยตรง ห้ามอุทิศให้ผู้ใดร่วมด้วยทั้งสิ้น ตัวอย่าง เมื่อพระท่านเริ่มกล่าวอนุโมทนาคาถา “ยะถา” เราเริ่มรินน้ำโดยบอกชื่อ-นามสกุลอายุของเราด้วย ว่าข้าพเจ้าชื่อ........นามสกุล.........อายุ........ปี ขอส่งกุศลผลบุญจากสังฆทานนี้ ส่งไปชดใช้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทุกภพทุกชาติ จงได้รับฯลฯ......เมื่อกรวดน้ำเรียบร้อยแล้ว พระสงฆ์จะเจริญพุทธชัยมงคลคาถาบทต่างๆ เพื่อเสริมมงคลแก่ผู้ร่วมพิธี แล้วจึงนำเอาน้ำที่เราริน ไปเทลงที่โคนไม้ใหญ่ อธิษฐานฝากต่อแม่พระธรณีและนายนิรยบาล ให้ช่วยนำเอากุศลผลบุญนั้นนำไปส่งให้ถึงเจ้ากรรมและนายเวรของแต่ละคน เป็นเสร็จพิธีสังฆทานที่วัด ตามพุทธบัญญัติของพระบรมศาสดา และเมื่อท่านกลับถึงบ้านแล้ว ตอนเย็นหรือกลางคืน นับจากท่านได้ถวายสังฆทานครั้งแรกเป็นต้นไป ท่านต้องจุดธูปบูชาพระที่บ้านท่าน โดยใช้ธูป 5 ดอก ว่า นะโม 3 จบ กล่าวบอกตามนี้
“ข้าพเจ้าชื่อ...........นามสกุล..............อายุ...........ปี เป็นหญิง/ชาย ขอส่งอานิสงส์กุศลผลบุญจากสังฆทาน อันได้กระทำแล้ว ขอส่งไปชดใช้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทุกภพทุกชาติจงได้รับ เมื่อท่านได้รับแล้วท่านที่ตกอยู่ในที่ทุกข์ ขอให้พ้นจากความทุกข์ ท่านที่ตกอยู่ในที่สุข ขอให้สุขยิ่งๆขึ้นไป และขอท่านจงได้ไปเกิดใหม่ในวันนี้และชาตินี้ด้วยเทอญ สาธุ สาธุ สาธุ” นี่คือการส่งบุญให้เจ้ากรรมนายเวร แล้วแต่ว่าผู้ใดจะต้องส่งบุญเช่นนี้กี่คืน ก็ขึ้นอยู่กับวันเดือนปีและอายุของท่าน นี่คือพิธีกรรมการถวายสังฆทาน เพื่อขอเอาอานิสงส์ส่งไปชดใช้หนี้เวรหนี้กรรมต่อเจ้ากรรมนายเวร เพื่อเป็นการขออโหสิกรรม ขอผ่อนผันลดโทษ ให้หนักกลายเป็นเบา ร้ายกลายเป็นดี และอาจารย์ของข้าพเจ้าเองได้ประกอบพิธีนี้ขึ้น ณ วัดอัมพวนาราม (วัดบางกุ้งใต้) ต.บางกุ้ง อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี มาครบ 1 ปีเต็ม และเฝ้าสังเกตความเปลี่ยนแปลงและเป็นไปของผู้ที่มาร่วมพิธีเหมือนทำสถิติ ก็ได้รับคำยืนยันจากผู้มาร่วมพิธีว่า ชะตาชีวิตมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นจริง และค่อนข้างเห็นผลรวดเร็ว เป็นที่ยอมรับอย่างน้อย 80% เห็นผลแน่นอน นี่คือพิธีกรรมอันเป็นศาสนพิธีตามแนวทางแห่งพระพุทธศาสนาโดยตรง มิได้มีเจตนาอื่นเคลือบแฝง ท่านไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมใดๆ ท่านใดที่มีศรัทธาจะมาเข้าร่วมพิธี จัดหาสิ่งของมาเอง คือ ข้าวสุก 2 ถุง กับข้าว 2 ถุง ขนม 2 ถุง ดอกไม้ 1 กำ น้ำเปล่า 1 ขวด ปัจจัยทรัพย์ใส่ซองถวายพระตามแต่ศรัทธา 1 ซอง (อย่าให้ต่ำกว่าอายุ) เช่น ถ้าท่านอายุ 50 ปี จะใส่ซองต่ำกว่า 50 บาทไม่ได้ ถือว่าท่านแก้ดวงไม่ตก เจ้ากรรมนายเวรไม่ยอมรับ แต่ถ้าท่านอยู่ไกลไม่สะดวกที่จะจัดหาของถวายสังฆทาน ก็ให้ติดต่อทางสำนัก จะจัดหาไว้ให้ท่านพร้อม โดยท่านมาเปลี่ยนเอาเพียง 100 บาท เท่านั้น
ประการที่สอง
คือ การใส่บาตรขอพรสวรรค์ ซึ่งเป็นพิธีกรรมที่จำเป็นต้องทำควบคู่กันกับพิธีถวายสังฆทาน การถวายสังฆทานเป็นการชดใช้หนี้กรรมต่อเจ้ากรรมนายเวร ขออโหสิกรรมและขอเปลี่ยนดวงชะตาจากเจ้ากรรมนายเวรโดยตรง ส่วนการใส่บาตรขอพรสวรรค์นั้นเป็นการชดใช้สวรรค์หรือหนี้กรรมต่อเทวดา และขอพรเทวดา ขอความสุขความเจริญจากสวรรค์เบื้องบน โดยมีวิธีปฏิบัติและขั้นตอนที่ละเอียดดังนี้
ธรรมดาของพระภิกษุสงฆ์แล้ว ตามพุทธบัญญัติและบรมพุทธานุญาต พระพุทธเจ้าทรงอนุญาตให้ภิกษุดำรงเลี้ยงชีพโดยการภิกขาจาร คือ บิณฑบาตเลี้ยงชีพ พระมาบิณฑบาตเหมือนพระมาโปรด พระมาโปรดเปรียบดั่งสวรรค์มาโปรด ฉะนั้น จึงมีพิธีการอธิษฐานใส่บาตรเพื่อขอพระต่อสวรรค์ โดยนัยดังนี้
เมื่อท่านจัดเตรียมของจะถวายใส่บาตรพระเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ให้ท่านยกขึ้นอธิษฐานไว้รอพระ โดยว่า นะโม 3 จบ แล้วว่า “ข้าพเจ้าชื่อ...........นามสกุล..............อายุ...........ปี เป็นหญิง/ชาย ขออนุญาตใส่บาตรขอพรสวรรค์ชั้นฟ้าทั้งหาประการ ข้าพเจ้าขอเปลี่ยนดวงใหม่ ขอเปลี่ยนพรใหม่
? ขอให้ข้าพเจ้าพ้นจากดวงศัตรูหมู่มารทั้งหลายในวันนี้ ชาตินี้
? ขอพรสวรรค์ชั้นเทวดา ขอให้ข้าพเจ้าพ้นจากดวงเจ็บไข้ในวันนี้ ชาตินี้
? ขอพรสวรรค์ชั้นวิมาน ขอให้ข้าพเจ้าพ้นจากดวงลำบากยากจนในวันนี้ ชาตินี้
ขอพรสวรรค์ทุกชั้นปราการ ขอให้ข้าพเจ้าพ้นจากดวงอุบัติเหตุ ผิดหวัง แตกแยก ถูกหลอก ถูกโกง คดีความจองจำ ล้มละลาย และดวงมรณะ (......................) ในวันนี้ ชาตินี้ ข้าพเจ้าขอเกิดใหม่ ขอเปลี่ยนดวงใหม่ ขอเปลี่ยนพรใหม่ และขออนุญาตยืมดวงเศรษฐีสวรรค์ใช้ 1 ดวง ด้วยเทอญ สาธุ สาธุ”
นี่คือคำอธิษฐานก่อนใส่บาตร เพื่อขอพรสวรรค์ เมื่อใส่บาตรแล้ว ไม่ต้องกรวดน้ำ ไม่ต้องอุทิศบุญให้ผู้ใดทั้งสิ้น จนกว่าจะครบตามวันเดือนปีหรืออายุของท่าน ต้องทำการใส่บาตรเพื่อขอพรสวรรค์จำนวนกี่วัน
และเมื่อท่านเริ่มใส่บาตรตั้งแต่วันแรกเป็นต้นไป ตอนเย็นท่านต้องจุดธูปบูชาพระและกล่าวคำส่งบุญให้สวรรค์ด้วย โดยการจุดธูป 5 ดอก ว่านะโม 3 จบ “ข้าพเจ้าชื่อ...........นามสกุล..............อายุ...........ปี เป็นหญิง/ชาย ขอส่งกุศลผลบุญอันได้กระทำแล้ว ขอส่งไปชดใช้สวรรค์ ขอสวรรค์จงได้รับและขอท่านจงได้ไปเกิดใหม่ในชั้นที่ดีกว่าและสูงกว่าเก่าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป และข้าพเจ้าขออนุญาตยืมดวงเศรษฐีสวรรค์ใช้ 1 ดวงในบัดนี้ด้วยเทอญ สาธุ สาธุ”
ท่านต้องจุดธูปบูชาพระและกล่าวคำส่งบุญให้สวรรค์ติดต่อกันกี่คืน อยู่ที่รอบอายุของท่าน พิธีกรรมการใส่บาตรขอสวรรค์นี้ ท่านสามารถนำไปปฏิบัติได้เลย เป็นบุญบริสุทธิ์โดยแท้ และทดลองดูได้
จะขออธิบายหลักการใส่บาตรเพื่อขอพรสวรรค์ให้ละเอียด มนุษย์เราเกิดมาในรอบ 12 ปี นับแต่เกิดจนถึงอายุ 7 ปี เจ้ากรรมนายเวรครอบครองชะตา จะเกิดเหตุดีร้ายประการใด เป็นเพราะเจ้ากรรมนายเวรจะดลบันดาล และจากอายุตั้งแต่ 8 ปี ถึง 12 ปี เป็นหน้าที่ของสวรรค์ จะให้คุณหรือให้โทษอยู่ที่สวรรค์ ถ้าโชคดีมีลาภ ในช่วงนั้นถือว่าสวรรค์โปรด สวรรค์ประทาน ถ้าเกิดเคราะห์เกิดภัย เกิดเหตุร้าย ถือว่าสวรรค์ลงโทษทัณฑ์ เวียนกันไปแต่ละรอบ 12 ปี เช่น จากอายุ 13 ถึง 19 ก็เป็นหน้าที่ของเจ้ากรรมนายเวรอีก และจากอายุ 20 ถึง 24 ก็เป็นของสวรรค์ เวียนไปดังนี้ตลอด จึงก่อให้เกิดพิธีถวายสังฆทานเพื่อขอชดใช้หนี้กรรมต่อเจ้ากรรมนายเวร และพิธีใส่บาตรเพื่อขอไถ่ถอนโทษ และขอพรจากสวรรค์ แต่ถ้าท่านใดมีดวงมรณะจับอยู่ในห้องอายุสวรรค์ จะต้องมีพิธีกรรมเพิ่มเติม โดยต้องบริจาคเงินร่วมสร้างสะพานข้ามแม่น้ำลำคลอง เพื่อขอต่อดวงให้พ้นดวงมรณะ ซึ่งอันนี้จะต้องตรวจดูวันเดือนปีของท่านอย่างละเอียดอีกครั้ง ขอท่านทั้งหลายโปรดเข้าใจตามนี้ด้วย
และข้อสำคัญ ในพิธีกรรมการขอเปลี่ยนดวงชะตานี้ ขณะที่ท่านยังทำการถวายสังฆทานหรือใส่บาตรยังไม่ครบจำนวนครั้งตามที่ได้กำหนดบอกไว้ ต้องพยายามรักษาศีลห้าไว้ด้วย เพราะศีลเป็นรากเหง้าแห่งการปฏิบัติและกุศลกรรมทั้งปวงของพระพุทธศาสนา ดังคำสรุปที่พระท่านกล่าวตอนท้ายของการให้ศีลว่า
สีเลนะสุคคะติงยันติ ศีล คือรากฐานของความสุข
สีเลนะโภคะสัมปะทา ศีล คือรากฐานของโภคทรัพย์ทั้งปวง ทั้งมนุษย์สมบัติ สวรรค์สมบัติ และนิพพานสมบัติ
สีเลนะนิพพุติงยันติ ศีล คือรากฐานของพระนิพพาน
จึงต้องพยายามอย่าละเมิดศีล5 โดยเฉพาะข้อแรก คือ การทำปาณาติบาต คือการฆ่า และทำลายล้างมนุษย์และสัตว์ใหญ่ ไม่ว่าจะออกคำสั่งหรือลงมือเองก็ตาม
และข้อสาม “กาเมสุมิจฉาจาร” การล่วงประเวณี ผิดต่อลูกเมียผู้อื่นหรือคนมีเจ้าของ ถ้าละเมิดศีลทั้งสองข้อนี้ ถือว่าไม่ผ่าน เบื้องบนไม่พิจารณาเปลี่ยนดวงชะตาให้แน่นอน แต่ถ้าจะให้ดีที่สุด ถ้าท่านรักษาศีลทั้งห้าข้อได้บริสุทธิ์ดี จะได้รับพิจารณาเปลี่ยนดวงเร็วขึ้น
และการขอชดใช้หนี้กรรม เพื่อขอปรับเปลี่ยนดวงชะตานี้ จะส่งผลเร็วและเต็มที่ก็ขึ้นอยู่กับความตั้งใจและความศรัทธาอันบริสุทธิ์ของตัวท่านเองด้วย ว่ามีความตั้งใจ จริงใจและศรัทธาที่จะประกอบพิธีแค่ไหน และประกอบกับการประพฤติปฏิบัติหรือสันดานจิตของท่าน ว่าเป็นกุศลและอกุศลแค่ไหน ถ้าท่านมีความเชื่อและศรัทธาในพระพุทธศาสนา และความเชื่อและศรัทธาในพิธีกรรมที่ถูกต้อง ข้าพเจ้าขอรับรองว่าท่านจะสำเร็จตามประสงค์แน่นอน
ท้ายนี้ต้องขอขอบคุณ อ.คม ไตยเวท ที่ท่านเมตตาสอนวิธีการตรวจดวงแก่ข้าพเจ้า คมเดช เธียรปรีชา และ
อนุญาตให้นำบทความนี้ที่ท่านเขียนจากประสบการณ์นำมาเผยแผ่ได้.
ด้วยความเคารพอย่างสูง
คมเดช บ้านหมอดู
อาจารย์ คมเดชบ้านหมอดู
มือถือ 096-6364945
รับปรึกษา ดวงชาตา ทางโทรศัพท์ ส่วนตัว ทาง E-MAIL